เปิดบัญชีธนาคาร
Checking Account
Checking Account มีประโยชน์มากในการจ่ายบิลต่างๆ เช่น ค่าเช่าอพาร์ทเมนท์, ค่าโทรศัพท์, ค่าไฟค่าน้ำ, ค่าอินเตอร์เน็ตม ค่าเคเบิลทีวี (utilities) เพราะบัญชีแบบนี้คุณสามารถเขียนเช็คสั่งจ่ายได้ ประการสำคัญ คนอเมริกันส่วนใหญ่ไม่นิยมพก เงินสด (cash) จำนวนมากๆติดตัว แต่จะใช้จ่ายด้วยเช็คและบัตรเครดิตเป็นหลัก
การเปิดบัญชี checking นั้น คุณต้องฝากเงินเข้าบัญชีเมื่อเวลาคุณไปเปิดบัญชี คุณสามารถใช้เช็คเดินทาง (traveler’s check) เงินสด หรือจะโอนเงิน (wire transfer) จากธนาคารอื่นมาก็ได้ แต่อาจเสียค่าโอนประ มาณ $30-$40 นะครับ อีกอย่างที่คุณต้องมีเวลาไปเปิดบัญชีก็คือ Social Security Number ครับ เพราะ นั่นจะเป็นข้อมูลที่ทางธนาคารจะหักภา ษีจากดอกเบี้ยเงินฝากเรา แต่สำหรับนักเรียนต่างชาติแล้ว ไม่จำเป็นต้องเสีย ครับ ผมแนะนำให้ขอ form W-8 จากธนาคารมากรอกด้วย เพื่อที่จะได้ไม่ต้องโดนหักภาษีนี้ครับ
หลักฐานที่ใช้เปิดบัญชีธนาคาร
- Passport
- Driver’s License or State ID
- Social Security Number Card
- (Optional) Student ID, หรือ I-20
- (Optional) Phone Bill, หรือ Utility Bill ที่เป็นชื่อคุณ เพื่อแสดงถึงที่อยู่ของคุณ
บัญชี checking นั้นส่วนใหญ่จะเสียค่า monthly service change ประมาณ $2 – $15 แล้วแต่ option ที่เราเลือก บางธนาคารอาจไม่ต้องเสียค่า monthly service change เลยก็ได้ ถ้าเราสามารถรักษา minimum balance ไว้ในบัญชีเราได้ ส่วนใหญ่ก็จะประมาณ $1000 พร้อมกันนี้เราอาจได้ interest จากการคง minimum balance นี้ด้วย แต่เรียกได้ว่าน้อยมากครับ ยังไงตอน เปิดบัญชี ก็ถามเรื่องนี้ให้แน่ใจก่อนนะครับ
ในการเปิดบัญชี Checking ธนาคารส่วนใหญ่จะมี Overdrawn Protection ให้คุณเลือกด้วย นั่นคือ เมื่อคุณจ่ายเชํคเกินจำนวนที่มีในบัญชี เช็คก็จะกลายเป็นเช็คเด้ง (bounced check) พร้อมกับเสียค่าปรับ $15-$30 ถ้าคุณเลือก Overdrawn Protection option ทางธนาคารก็จะจ่าย ส่วนที่ขาดไปให้คุณก่อน และจะคิดดอกเบี้ยคุณเป็น short-term loan ผมแนะนำว่า ถ้าคุณเป็นคนที่ละเอียดรอบคอบสักหน่อย option นี้ก็ไม่มีความหมายครับ
ธนาคารทุกที่ในอเมริกาจะมีบริการ Online Banking ผ่านอินเตอร์เน็ต ซึ่งจะสะดวกมากในการเช็ค balance, activity ในการ ใช้เงินของคุณ หรือสามารถจ่ายบิลต่างๆทางออนไลน์ได้ด้วย เพราะฉะนั้น ลองถามถึงบริการนี้ด้วยเมื่อเปิดบัญชี
เมื่อคุณเปิดบัญชีเรียบร้อย คุณก็สามารถใช้จ่ายผ่านเชํคได้แล้วครับ เพราะทางธนาคารจะให้สมุดเช็คชั่วคราวมาให้ คุณ และจะส่งสมุดเช็คตัวจริงและบัตร ATM มาทางเมล์ในอีกประมาณ 2-3 สัปดาห์ต่อมา
วิธีการเขียนเช็ค
- เขียนวันที่เดือนปีที่ชัดเจนและเข้าใจง่ายเช่น April 24, 2009
- ระบุผู้รับในช่อง Pay to the order of _____________ อย่าเว้นว่างไว้ เช่น เขียนเช็คจ่ายเพื่อน แต่เพื่อน ชื่อยาว ก็เลยให้เพื่อนไปกรอกชื่อเอง อันนี้ต้องแน่ใจว่าเป็นเพื่อนสนิทจริงๆนะครับ
- ระบุจำนวนเป็นตัวเลข ควรเขียนให้ชิดด้านซ้ายของช่องสี่เหลี่ยมให้มากที่สุด และใส่จำนวน cents ส่วนด้วย 100 เช่นถ้าคุณจ่าย $120.36 ก็เขียนเป็น 120 36/100 เป็นต้น
- ระบุจำนวนเงินเป็นตัวอักษรให้ชิดขอบซ้ายให้มากที่สุด พร้อมกับขีดเส้นแนวนอนยาวๆไม่ให้เหลือที่ว่างให้ใส่ตัวอักษรได้อีก เช่น $20.36 ก็เป็น “Twenty and 36/100——————-“
- เซ็นต์ชื่อของคุณ
- ช่อง Memo คุณสามารถใส่อะไรก็ได้ เพื่อเป็นการเตือนความจำของคุณ เพราะสมุดเช็คส่วนใหญ่จะมี duplicated copy ในสมุดเชํคให้ด้วย
เมื่อ ถึงคราวที่ใช้สมุดเช็คจนหมดเกลี้ยง ก็ถึงคราวที่จะต้องสั่งสมุดเช็คอีกครั้ง ถ้าสั่งกับธนาคารของท่าน จะอุ่นใจได้ว่าเราได้เช็คที่ถูกต้องตามมาตรฐานแน่นอน แต่ถ้าสั่งเช็คจากภายนอกธนาคาร ท่านอาจจะต้องกรอกข้อมูลต่างๆที่อยู่บนเช็คของท่าน เช่น routing number, account number, starting number, etc. หรืออาจจะต้องส่งตัวอย่างเช็คของเราไปด้วย 1 ใบ (อย่าลืมเขียนคำว่า VOID บนเช็คของเราด้วยนะครับ) บริษัทที่รับทำเช็คทางอินเตอร์เน็ตก็มีหลายบริษัทด้วยกันดังต่อไปนี้
http://www.deluxe.com/
http://www.designerchecks.com/
http://www.checksunlimited.com/
http://www.checksinthemail.com/
Debit Card and ATM
บัญชี checking จะมีบัตร ATM ที่สามารถใช้เป็น Debit Card ได้ด้วย ในอเมริกานั้น ATM จะหาได้ง่ายมาก เช่น ตาม Cafeteria, Shopping malls, Grocery Stores, Gas Stations, etc. จำนวนที่จะถอนได้ต่อวันก็ขึ้นกับบัญชีที่คุณเลือก ส่วนใหญ่ก็จะประมาณ $300-$600 ครับ เครือข่าย ATM ที่ใหญ่ๆมีอยู่ 2 ค่าย คือ PLUS (1-800-VISA-911) และ CIRRUS (1-800-4-CIRRUS) ซึ่งธนาคาร ในเมืองไทยหลายแห่ง ก็เป็นเครือข่ายของ 2 ค่ายนี้อยู่ การที่จะดูว่า ATM เราเป็นค่ายไหน ก็ให้ดูที่หลังบัตร ATM ครับ จะมีเขียนบอกไว้ การใช้ ATM ถ้าเผลอไปใช้เครื่องต่างธนาคารหรือเครือข่าย อาจถูก charge ได้ครับ ประมาณ $1-$2 ตรงนี้ต้องสอบถามทางธนาคาร เองครับว่าเครื่อง ATM ในเน็ตเวิร์คมีของธนาคารหรือค่ายไหนบ้างที่ไม่ charge
สำหรับ การใช้บัตร ATM เป็น debit card นั้น ก็จะเหมือนการใช้บัตรเครดิตทั่วไป ไม่เหมือนก็ตรงที่เมื่อคุณรูดบัตร ซื้อของ เงินก็จะถูกรูดออกจากบัญชี checking คุณในทันทีเลยครับ debit card ทุกใบจะมีบอกว่าเป็นของค่ายไหน เช่น Visa หรือ Master Card และจะมีตัวเลขบนบัตรด้วย ถ้าคุณจะต้องซื้อของทางอินเตอร์เน็ต คุณต้องกรอกตัวเลขนี้แหละครับ ถ้าคุณยังไม่มีบัตรเครดิต debit card จะมีประโยชน์มาก เพราะเป็นการยากเหมือนกันสำหรับนักเรียนต่างชาต ิที่จะขอบัตรเครดิตในขณะที่คุณเพิ่งเข้ามาอยู่ในอเมริกา
ทุกๆเดือนทางธนาคารจะส่ง Statement มาให้คุณทางเมล์ ซึ่งจะแสดงรายการ withdrawals และ deposits, ending balance หรืออาจแนบเช็คที่เรา cancel มาด้วย ผมแนะนำว่า ทุกครั้งที่ซื้อของ ให้เก็บใบเสร็จ (receipt) ไว้ด้วย เพื่อที่จะได้ตรวจทานกับ statement ของเรา สำหรับเช็คที่เราสั่งจ่ายไป ก็ให้นำ duplicated copy ในสมุดเช็คมาตรวจด้วย
Saving Account and Certificates of Deposit
บัญชี Saving นั้นจะแตกต่างจากบัญชี Checking ตรงที่เราได้ดอกเบี้ย (interest) เยอะกว่า แต่คุณจะสั่งจ่ายเช็คได้เพียงแค่ไม่กี่ใบต่อเดือน หรืออาจไม่ได้เลย แต่ก็ยังสามารถถอนเงินด้วยบัตร ATM ได้ ธนาคารส่วนใหญ่จะสนับสนุนให้ลูกค้าเปิดทั้ง Checking Account และ Saving Account พร้อมกัน ซึ่งมีข้อดีก็คือ คุณจะสามารถใช้บัตร ATM ใบเดียว และ Online banking ได้ทั้ง 2 บัญชี ผมแนะนำ ว่าถ้าคุณมีเงินไม่มากนัก ก็ไม่จำเป็นต้องเปิดบัญชี Saving ให้เสียเวลาหรอกครับ แต่ถ้าคุณมาเรียนพร้อม กับเงินก้อนโต ผมแนะนำให้เปิด Saving กับ Checking พร้อมกันเลย เพื่อความสะดวกในการจัดการ เงินเราครับ ส่วนใหญ่ถ้าคุณเปิด 2 บัญชีพร้อมกัน คุณสามารถที่จะโอนเงินระหว่าง Saving และ Checking Account ทางอินเตอร์เน็ตได้ และฟรีด้วยครับ สำหรับบัญชี Saving ก็จะมีค่า Service Charge เหมือน กับ Checking ครับ คุณอาจไม่ต้องเสียค่าบริการนี้ ถ้าคุณสามารถคง minimum balance ไว้ในบัญชี คุณได้ ลองตรวจสอบกับธนาคารคุณดีๆก่อนเปิดบัญชีครับ
บัญชี Certificates of Deposit จะได้ดอกเบี้ยมากกว่า Saving และ Checking Account ครับ เพียงแต่คุณ ไม่สามารถถอนเงินออกมาก่อนเวลาที่กำหนด (ส่วนใหญ่จะประมาณ 1 ปี) ถ้าถอนออกมาก่อน ก็ต้องเสียค่าธรรมเนียม ครับ
ข้อควรรู้
- FDIC (Federal Deposit Insurance Corporation) ซึ่งเป็นหน่วยงานราชการของรัฐบาลกลาง ของอเมริกาได้ประกันบัญชีธนาคารทุกแบบด้วยวงเงินถึง $250,000 ถ้าเกิดความผิดพลาดขึ้นกับบัญชีคุณ
- คุณสามารถตรวจสอบวันหยุดของธนาคารได้จาก http://holidayyear.com/
- คุณสามารถจ่ายค่าไฟ ค่าแก๊ส ค่าโทรศัพท์ ค่าอินเตอร์เน็ต ค่าเคเบิลทีวี (utilities) ผ่านทางธนาคารได้ ลองสอบถามธนาคารคุณดูนะครับ
- บางธนาคารอาจ charge คุณ $1-$2 สำหรับการติดต่อกับพนักงานเคาเตอร์ (bank tellers) ขึ้นกับ ชนิดของบัญชีที่คุณเปิด